หากใครกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตฉันเคยไปมาแล้ว ก็ควรบรรจุเส้นทางการท่องเที่ยว สามเหลี่ยมมรดกโลก บ้านเชียง – หลวงพระบาง – ฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง ไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยวของคุณด้วย
…ติดตามสถานที่อื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/WorldHeritagesTriangle
โครงการสามเหลี่ยมมรดกโลก
เกิดจากความร่วมมือ ของจังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย, แขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว และ จังหวัดกวางนิงห์ ประเทศเวียดนาม ที่ต้องการแนะนำเส้นทางใหม่ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบออกเดินทางคราวเดียว ได้ถึงสามอารมณ์ สามโหมด
โหมดเรียนรู้อารยะธรรมเก่าแก่กว่า 5,000 ปี ที่ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
จะมีคนไทยสักกี่คนที่รู้ว่า สมบัติของชาติ 7 ชิ้นแรก อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี การมาเยือนบ้านเชียง จึงไม่ใช่แค่การมาเยือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นการมาเยือนแหล่งต้นกำเนิดอารยธรรมของมนุษย์ในแถบลุ่มน้ำโขง ที่ยังคงถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน เสมือนได้ย้อนเวลาไปหาอดีตเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว เพื่อเรียนรู้แหล่งอารยธรรมโบราณที่มีหลักฐานแสดงให้เห็นถึงการทำเกษตรกรรม การทำนาแบบนาน้ำท่วม และร่องรอยของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของผู้คนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมทั้งการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้จากทองสำริด และการทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ “เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง”
ส่วนคนที่เน้น กิน เที่ยว ช้อป เมื่อมา “บ้านเชียง” ก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน เพราะที่นี่มีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ กระจายตามแต่ละหมู่บ้านของตำบลบ้านเชียง ทั้งกลุ่มปั้นหมอเขียนสี, กลุ่มทอผ้าฝ้ายย้อมครามบ้านเชียง – ส.หงษ์แดง, วิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านดงเย็น หรือจะไปเลือกซื้อของหัตถกรรมฝีมือชาวบ้าน เช่น ผ้าทอ เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผาลายบ้านเชียง เสื้อผ้าสำเร็จรูปย้อมคราม สินค้าเกษตร และผักผลไม้ปลอดสารพิษ ที่ “ตลาดบ้านเชียง” ก็ยังได้ สุดท้ายอย่าลืมแวะไปชิมไวน์ และเลือกซื้อไวน์ท้องถิ่นได้ที่ “โฮมสเตย์ บ้านเชียง ไวน์เนอรี่
นอกจากการเดินทางมาท่องเที่ยวแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงแล้ว จังหวัดอุดรธานีก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ตามแคมเปญการท่องเที่ยวของจังหวัดที่ว่า “เมืองที่พร้อมเสิร์ฟความสุขทุกเมนู” คือมีแหล่งท่องเที่ยวและสถานบริการที่พร้อมเสิร์ฟความสุขให้กับทุกเพศทุกวัยตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน การเดินทางมาจังหวัดอุดรธานีสามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถไฟ รถโดยสารประจำทาง และเครื่องบิน โดยเฉพาะเครื่องบินที่บินมาลงที่จังหวัดอุดรธานี กว่าวันละ 60 เที่ยวบิน โดยเริ่มทำการบินตั้งแต่ เวลา 05.55 จนถึง 21.35 กันเลยทีเดียว เอาละ ทั้งนี้ เราไปต่อกันที่หลวงพระบางกันเลย
โหมดสโลว์ ไลฟ์ ปรับชีวิตให้เนิบช้าที่หลวงพระบาง ประเทศลาว
“หลวงพระบาง” นั้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตอันงดงาม สงบ และเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว การเดินทางจากอุดรธานีไปหลวงพระบางก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงนั่งรถโดยสารระหว่างประเทศข้ามสะพานมิตรไทย-ลาวที่ด่านพรมแดนหนองคาย มายังเวียงจันทน์ แล้วต่อรถโดยสารจากท่ารถตลาดเช้า มายังหลวงพระบาง หรือ หากต้องการความสะดวกสบาย สามารถเลือกนั่งเครื่องบินจากสนามบินวัดไต บินตรงไปลงที่หลวงพระบาง โดยใช้เวลาบินเพียง 40 นาที เท่านั้น
ด้วยความที่เป็นเมืองที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ ใครก็ตามที่มายัง “หลวงพระบาง” คงต้องทิ้งความวุ่นวายและความเร่งรีบเอาไว้เบื้องหลัง แล้วค่อย ๆ ซึมซับวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง ที่เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการตักบาตรข้าวเหนียว จากนั้นลองปั่นจักรยานชมเมือง ก่อนจะแวะไปยังตลาดเช้า เพื่อดูวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ไปพร้อมกับเลือกซื้ออาหาร ผักสด ผลไม้ ของใช้ต่าง ๆ ที่ชาวบ้านนำมาขาย แล้วต่อด้วยการเติมพลังกับกาแฟร้อน ๆ หรือโอวัลตินร้อน ๆ พร้อมปาท่องโก๋และไข่ลวก ร้านกาแฟประชานิยม ร้านกาแฟสไตล์บ้าน ๆ เจ้าอร่อย ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความเป็นกันเองแบบสภากาแฟ และเป็นแหล่งพบปะพูดคุยอัพเดทข่าวสารก่อนเริ่มต้นชีวิตในวันใหม่
จากนั้นหากใครชอบชมความงามของสถาปัตยกรรมโบราณ ที่หลวงพระบางก็มีวัดวาอารามอันเก่าแก่หลายแห่งให้เยี่ยมชม อย่าง วัดเชียงทอง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง หรือหากใครอยากไปชื่นชมธรรมชาติ ก็มีน้ำตกตาดกวางสี ที่สวยงามราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ และปิดท้ายด้วยการแวะซื้อของฝากที่ ไนท์ มาร์เก็ต แหล่งรวมงานศิลปหัตกรรมพื้นบ้านของชาวลาวนานาชนิด ทั้งเครื่องเงิน ผ้าทอลายพื้นเมือง โคมไฟกระดาษสา ร่มกระดาษสา เสื้อยืดสกรีนภาษาลาว ภาพปัก สร้อยข้อมือ และยังมีอาหารอร่อยให้เลือกชิมอีกมากมาย หลวงพระบางจึงเปรียบดังเมืองแห่งวิถีชีวิตอันเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้กลับเยี่ยมเยือนอีกครั้ง
โหมดแอดเวนเจอร์ เจอทั้งธรรมชาติ และธีมพาร์คสุดอลังการ
จากหลวงพระบางข้ามมายังฮาลองเบย์ เวียดนาม สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารระหว่างประเทศ หรือ นั่งเครื่องบิน บินตรงไปลงสนามบินโหน่ยบ่าย เมืองฮานอย แล้วเดินทางต่อด้วยรถบัสไปยังอ่าวฮาลอง จังหวัดกวางนิงห์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ก็เป็นอีกเส้นทางที่ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางให้สั้นลง
ฮาลองเบย์ มีความหมายว่า “มังกรดำดิ่ง” ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่ามีมังกรดำดิ่งอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลแห่งนี้ ที่อ่าวฮาลอง นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือคายัคเพื่อชมความงามของท้องทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิด เพราะรอบ ๆ อ่าวฮาลอง มีเกาะหินปูนน้อยใหญ่รอบอ่าวกว่า 1,900 เกาะ และมีถ้ำหลายแห่งให้เข้าไปเยี่ยมชม โดยถ้ำที่ห้ามพลาด คือ “Sung Sot Cave” หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันว่า “Surprising Cave” เป็นถ้ำที่มีหินปูนรูปทรงประหลาดอยู่มากมาย
จากนั้นหากใครชอบความตื่นตาตื่นใจ ก็ต้องไปที่สวนสนุก “Sun World Halong Complex” ซึ่งมีเครื่องเล่นที่ถูกบันทึกไว้เป็นสถิติโลกในเรื่องของความสูง และความใหญ่อยู่ถึงสองอย่าง คือ ชิงช้าสวรรค์ “Sun Wheel” ที่ตั้งอยู่บนภูเขา Ba Deo สูงจากระดับน้ำทะเล 250 เมตร ทำให้ Sun Wheel เป็นหนึ่งในชิงช้าสวรรค์ชมวิวที่สูงที่สุดในโลก ขึ้นไปแล้วสามารถมองเห็นวิวฮาลองเบย์ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว
ถ้ายังตระการตากับวิวในมุมสูงไม่พอ ก็ยังมีกระเช้าลอยฟ้า 2 ชั้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Queen Cable Car” ให้ขึ้นไปนั่งชมวิวแบบเหมือนจะได้แตะขอบฟ้าและก้อนเมฆ เพราะ Queen Cable Car ได้รับการบันทึกสถิติลงใน Guinness World Records ว่าเป็นกระเช้าที่จุคนได้มากที่สุดในโลก ถึง 250 คนต่อเที่ยว และ 2,000 คนต่อชั่วโมง และยังเป็นกระเช้าที่มีเสาคอนกรีตส่งกระเช้าที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 188.88 เมตร และ 123.45 เมตร ไปฮาลองเบย์ทั้งที ขอบอกว่าห้ามพลาดสองสิ่งนี้เด็ดขาด
จากฮาลองเบย์ จะเดินทางกลับไทยก็สามารถนั่งเครื่องบินมาลงสนามบินวัดไตข้ามแดนกลับมาขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี หรือจะบินตรงมายังกรุงเทพเลยก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากลุยกันต่อและเพลิดเพลินกับบรรยากาศสองข้างทาง สามารถนั่งรถบัสมาจากฮานอยมายังเวียงจันทน์ ข้ามต่อมายังอุดรธานี แล้วนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพ ก็ย่อมได้
สามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fan Page : World Heritages Triangle